Brand Study: Sansiri กับการสร้างแบรนด์ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 4

เมื่อปีที่แล้ว เรากำลังมองหาซื้อคอนโด แถวบริเวณถนนเส้นสุขุมวิท จึงมีโอกาสได้เข้าไปสำนักงานขายที่คอนโดของ Developer ดังๆ อยู่ 2-3 เจ้า
หนึ่งในนั้นคือ Sansiri ที่ยอมรับว่าในหลายปีที่ผ่านมาบริษัทสร้างแบรนด์ได้ดีมาก ครั้งนี้พอเราเข้าไปปุ๊ป รู้สึกได้เลยว่าแตกต่างจากเจ้าอื่นๆ จริงๆ
แตกต่างอย่างไรบ้าง ตามไปดูกัน
เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อเปิดประตูเดินเข้ามา Lobby สำนักงานขาย ก็มีกลิ่นน้ำหอม โชยเข้ามาเตะจมูก ซึ่งเป็นกลิ่นน้ำหอมกลิ่นพิเศษที่ทาง Sansiri จ้างแบรนด์ Panpuri ให้ผลิตเป็นกลิ่นเฉพาะ (และขวดที่วางก็เป็นตราโลโก้ Sansiri ด้วย)
หลังจากเคลิ้มไปกับน้ำหอมแล้ว ก็ได้ยินเสียงเพลงที่เปิดคลอๆ เบาๆ ซึ่งเป็นเพลงที่มีเทสต์มาก ผ่านการเลือกมาอย่างดีแล้ว เหมาะกับคอนโดราคาระดับนี้ และ Sansiri เค้าจะมีเป็น playlist ของเค้านะ เราสังเกตว่าเค้าจะใช้เพลงพวกนี้ เปิดที่สำนักงานขายทุกที่ หรือแม้แต่คอนโดอื่นๆ ที่ปิดโครงการไปแล้ว ก็ยังมีเปิดในล๊อบบี้เช่นกัน
ตัวอย่างเพลงในเพลย์ลิสต์ของ Sansiri ที่ใช้เปิดบ่อยๆ
สักพักพนักงานเดินเข้ามาเสริฟน้ำเปล่า (ซึ่งที่ไหนๆ ก็เสริฟ) แต่ที่นี่ แม้แต่น้ำเปล่า ยังเลือกผลิตกับน้ำดื่ม Sprinkle จ้าาาาา ซึ่งขวดสวยยยย และมีดีไซน์ไง (ได้รางวัล Demark Award) ขนาดน้ำเปล่ายังต้องมีดีไซน์
หรือแม้แต่ดีไซน์คอนโดของ Sansiri หลายๆ โครงการ ก็จะสวยและแตกต่าง เรียกได้ว่าพอดูห้องตัวอย่างเสร็จปุ๊ป ทำเอาเกิดกิเลส และเคลิ้มไปอีกประมาณสองอาทิตย์ รู้สึกอาลัยอาวรณ์อยากได้มากกก เหมือนคนโดนของ อยากกลับไปจองห้องให้ได้ 555555555555
นี่แหละ คือการสร้างแบรนด์ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ที่ทำให้ลูกค้าเคลิบเคลิ้ม อินไปกับอารมณ์ และบรรยากาศ ที่บูมได้เล่าไว้ในโพสต์ที่แล้ว __
เอาจริงๆ ยอมรับว่าเราเป็น Fanclub Sansiri คนนึง คือที่ผ่านมา ชอบการสร้างแบรนด์ของเค้ามาก โดยเฉพาะหลายๆ ปีก่อน ทังโลโก้ของบริษัท โลโก้ของคอนโดหลายๆ ที่ในเครือ เช่น คอนโดชื่อ 39 ที่อยู่ในสุขุมวิท 39 แต่เขียนว่า XXXIX คือ เฮ้ยยยยยย เท่อ่ะ หรือ การสร้าง Customer Royalty เช่น การที่มี Sansiri Lounge ในห้างพารากอน เพื่อให้ลูกบ้านเข้าไปนั่งได้ฟรี (ตอนนี้ปิดไปแล้ว) คือทำให้เรารู้สึกถึงความ “Exclusive” และ “มีระดับ” แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ อ่ะ
Boom P.
__
เครดิตรูปภาพจากแสนสิริ